เวลาทำการ : วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.

เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และคณะเข้าเยี่ยมคารวะ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่

วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ห้องรับรองชั้น 1 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่

     เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี นำคณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เข้าเยี่ยมคารวะ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หารือความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อม

     วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 17.30 น. นายเกออร์ก ชมิดท์ เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี นำคณะเข้าเยี่ยมคารวะ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นำโดย นางกาเบรียลเล่อ คัทซ์มาเรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมคารวะ ณ ห้องรับรองชั้น 1 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อม โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมให้การต้อนรับ

     นางกาเบรียลเล่อ คัทซ์มาเรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเมืองที่มีความน่าสนใจสำหรับนักเที่ยวจากทวีปยุโรป ที่ต้องการเดินทางมาสัมผัสกับธรรมชาติ วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ และศาสนา  ซึ่งนับเป็นโอกาสดีของจังหวัดเชียงใหม่ ที่จะได้พัฒนาสิ่งเหล่านี้ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของล้านนาให้คงอยู่

     ด้าน นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ประเทศไทย มีสิ่งที่สวยงามและน่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยว ทั้งยังเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายไม่แตกต่างจากกรุงเทพมหานคร

     ด้านปัญหามลพิษ PM2.5 ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัญหา PM2.5 เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มาเป็นเวลานาน  ซึ่งจะเกิดขึ้นปีละไม่เกิน 3 เดือน แต่ไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญมาจากการประกอบอาชีพเกษตรกรรมของคนบางกลุ่มที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว และต้องมีการเผาตอซัง  ซึ่งในส่วนนี้ ได้มีการพูดคุยและรณรงค์เชิญชวนให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวเป็นไม้ยืนต้น  ที่แม้จะใช้เวลานานแต่สร้างรายได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ มีพื้นที่เผาไหม้และจำนวนครั้งในการเผาลดน้อยลงกว่าที่ผ่านมา  เนื่องจากมีวิธีการเผชิญเหตุที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังมีการเก็บตอซัง รวมถึงเศษวัสดุทางการเกษตร ไปขายสร้างรายได้ ทดแทนการเผา ซึ่ง นางกาเบรียลเล่อ คัทซ์มาเรค ได้ชื่นชมว่าเป็นวิธีที่ดีและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งยังเป็นการสร้างรายได้แก่เกษตรอีกด้วย

     ในการนี้ ได้มีการพูดถึงปัญหาของชนกลุ่มน้อยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ หรือที่เรียกกันว่า “กลุ่มชาติพันธุ์” ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ประเทศไทย ทำให้ทุกกลุ่มสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งตลอดระยะเวลาหลาย 10 ปี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มชาติพันธุ์ตามพื้นที่สูง มีการนำบริการของภาครัฐเข้าไปช่วยส่งเสริม สนับสนุน ให้กลุ่มคนดังกล่าวมีการประกอบอาชีพ มีรายได้ และคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนไม่ต่างไปจากคนในเมือง จนเกิดเป็น “โครงการหลวง” และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชปณิธาน สืบสาน รักษา และต่อยอด มาจนถึงปัจจุบัน

 

 

************************
เครดิต: สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ / ข่าว-ภาพ
 

Last updated by
นางสาว ศิริลักษณ์ ทาแดง
25 เมษายน 2567

วีดีโอ

เอกสาร & ไฟล์อ้างอิง

จำนวนผู้ชม
337

แบ่งปัน